รีวิว : พระราชวังชางด๊อก มรดกโลก เก่าแก่และเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์
พระราชวังชางด๊อกกุง หรือ พระราชวังชางด๊อก หนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดในสาธารณรัฐเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบก (Kyeongbok Palace) ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก (East Palace) ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งโชซอนได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็น 500,000 ตารางเมตร
พระราชวังชางด๊อกมีการวางแผนผังออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้ 1.ส่วนบริหาร (Administrative Quarter) เช่น พระตำหนักอินจองจอน 2.ส่วนที่พัก (Residential Quarter) เช่น พระตำหนัก นักซอนแจ พระตำหนักแทโจจอน 3.สวนลับ (Rear Garden)
ในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) ขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิได้เข้ารุกรานเกาหลี กินเวลายาวนานถึง 7 ปี พร้อมกับเผาทำลายพระราชวัง ซึ่งในปีนี้เองเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการสถาปนาราชวงศ์ โดยหลังจากผ่านสงคราม 7 ปีไปแล้ว พระราชวังก็ได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1619) โดยพระเจ้าซอนโจ และองค์ชายควางแฮกุน
ประตูทางเข้า (Donhwamun-Gate) หรือภาษาเกาหลีเรียกว่า (ดอนฮวามุน) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของพระราชวัง ตอนที่สร้างครั้งแรก ประตูนี้ถูกสร้างด้วยหินแกรนิตสีขาว โครงสร้างของทางเข้าพระราชวังได้รับแบบอย่างมาจากยุคสามอาณาจักร คือ โคคูรยอ แพกเจ และชิลลา
แต่ได้ถูกทำลายลงจากการเผาทำลายของทหารญี่ปุ่น และประตูนี้ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในสมัยพระเจ้าซอนโจ ประตูดอนฮวามุน นี้เป็นประตูทางเข้าที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ยังคงเหลืออยู่ในกรุงโซล
ประตูทางเข้าหลักของพระราชวังนี้มีชื่อว่า ประตูดอนฮวามุน (Donhwamun Gate)
พระราชวังชางด๊อกกุง ได้ถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์กษัตริย์ ที่ว่าราชการ และที่ทำงานของขุนนางจนถึงปี พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) เมื่อพระราชวังเคียงบกซึ่งอยู่ข้างเคียงได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งโดยสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง (จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิเกาหลี) แต่อย่างไรก็ตามสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจงนี้ก็ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังชางด๊อกกุงเรื่อยมากระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926)
Geumcheongyo Bridge : สะพานหินที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล
(สะพานคึมจอนคโย) เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อข้ามลำธาร จากทางเหนือและล้อมรอบ Oedang ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่รอบนอกพระราชวัง ความเชื่อโบราณถือว่านี่คือหนึ่งในสถานที่ที่เป็นมงคลในพระราชวัง และสะพานนี้ยังเป็นหนึ่งในสะพานหินที่เก่าแด่ที่สุดที่ยังคงเหลืออยู่ในกรุงโซล
ป้าไก่ จะพาเข้าไปชมด้านในกันน่ะครับ
Injeongjeon Hall (National Treasure) : อาคารท้องพระโรง สำหรับกษัตริย์ว่าราชการ และใช้เป็นสถานที่สถาปนากษัิตริย์พระองค์ใหม่ รวมถึงใช้ในการต้อนรับแขกคนสำคัญจากต่างประเทศ สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1405
สร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1610 เนื่องจากการรุกรานของกองกำลังญี่ปุ่นในช่วงปี 1592
และครั้งที่ 3 ในปี ค.ศ. 1804 หลังจากเกิดเพลิงใหม้
จัดให้ป้าไก่ 1 รูป
ด้านซ้าย และขวา จะมีหลัก เสาหิน วางตำแหน่งอยู่ที่พื้นหิน เรียกว่า Scholars Rank Stones
เป็นที่สำหรับขุนนาง ยืนเข้าเฝ้า เสาที่อยู่ในสุด จะมีความสำคัญสูงสุด
โดยขุนนางจะแบ่งเป็นฝ่าย บุ๋น และ บู้ ลุงเด้ง จำไม่ได้แล้วว่า ฝ่ายใหนยืนอยู่ข้างใด
Seongjeongjeon หรือภาษาเกาหลีเรียกว่า (ซองจองจอน) เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว ศูนย์กลางพระที่นั่งจะมีพระราชบัลลังก์ฉากเป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์และภูเขา 5 ลูก หลังคาตกแต่งด้วยกระเบื้อง หลังคาเคลือบเงาสีฟ้า ประตูแบบเลื่อนทำด้วยกระดาษ ถูกเปลี่ยนเป็นบานกระจกแทน เพื่อให้มีความโปร่งและดูโล่งมากยิ่งขึ้น การตกแต่งเพดานเหนือพระราชบัลลังก์เป็นท้องฟ้า แสดงถึงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และมีการแกะสลักไม้เป็นลวดลายต่าง ๆ ซึ่งเป็นศิลปะสมัยโชซอน
บริเวณท้องพระโรง ถ้ามองขึ้นไปจะเห็น ขื่อ ขนาดใหญ่ พาดผ่านบนเพดาน ที่ชาวเกาหลี มาสร้างขึ้นตอนหลัง
จากตำแหน่งนี้จะเป็นจุดยืนของ แขกบ้าน แขกเมืองจากต่างประเทศ
ถ้ามองขึ้นไปจะเห็น ขื่อ ขนาดใหญ่พาดบัง รูปบนที่อยู่กลางเพดาน (จากจุดนี้จะเห็นภาพเพียงบางส่วนเท่านั้น)
รูปที่อยู่หลัง ขื่อ นั้นก็คือ รูปมังกร สัญลักษณ์ของประเทศจีน ที่ครั้งหนึ่งประเทศจีนเคยปกครองดินแดนแห่งนี้
พระที่นั่งของกษัตริย์เกาหลี บนเพดานด้านจะประดับรูปมังกรเจ็ดเล็บ
สัญลักษณ์มังกร 5 เล็บ คือตราสัญลักษณ์ของจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ของประเทศจีน
ซึ่งเกาหลีในยุคนั้นใช้สัญลักษณ์เป็นมังกรเจ็ดเล็บเพื่อให้ดูเหนือกว่ามังกรของจีน
สถาปัตยกรรม หลังคาแบบนี้ ต้องที่เกาหลี เท่านั้น
ด้านหลังของ Huijeongdang Hall
ส่วนของห้องพักนางสนม
Daejojeon Hall เป็นตำหนักบรรทมของพระมเหสี
นาฬิกาแดด สร้างขึ้นในสมัย พระเจ้าเซจงมหาราช
พระเจ้าเซจงมหาราชทรงให้นักปราชญ์และนักประดิษฐ์ชื่อ จางยองชิล เดิมเป็นทหารองครักษ์
แต่ทรงเล็งเห็นในความสามารถจึงแต่งตั้งให้เป็นขุนนาง
จางยองชิล ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์มาตรวัดน้ำฝน อันแรกของโลกในปี พ.ศ. 1984 และยังสร้างนาฬิกาน้ำ นาฬิกาแดด และลูกโลกจำลองท้องฟ้า สำหรับโหรหลวงใช้ในการศึกษาดวงดาว
ลวดลายกระเบื้องบนหลังคาของพระราชวัง
Huijeongdang-Hall ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแทโจจอน ที่นี่เป็นที่ที่พระมหากษัตริย์ใช้เป็นที่ออกว่าราชการประจำวัน รวมทั้งใช้เป็นที่พักของพระมาหากษัตริย์ด้วย ห้องที่เป็นศูนย์กลางของพระที่นั่งจะไม่มีการกั้นห้อง ใช้เป็นห้องวาดภาพบนกำแพง ด้านตะวันออกของห้องนี้มีภาพวาดของศาลาต่าง ๆ ของพระราชวังชางด๊อก ส่วนด้านตะวันตกเขียนภาพภูเขาคึมกัง ห้องขนาดเดียวกันที่อยู่ทางด้านตะวันตกใช้เป็นห้องประชุม ถือได้ว่าที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิม แต่ตกแต่งด้วยวัสดุแบบตะวันตก
พระราชวังชางด๊อกกุงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 21 เมื่อปี พ.ศ. 2540
วันนี้ลุงเด้ง ป้าไก่ มีเวลาสำรวจ พระราชวังชางด๊อกกุง เพียงเท่านี้ ยังเดินไม่ทั่วครับ แต่เวลาไม่อำนวย จึงต้องขอลากันเพียงเท่านี้
แหล่งรวมข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลี อ่านเพิ่มที่ …
Website : www.koreafanclub.com
Instagram : www.instagram.com/koreafanclub
Fanpage ลุงเด้งป้าไก่ : www.facebook.com/uncledeng
YouTube ช่องท่องเที่ยวโดยลุงเด้งป้าไก่ -> https://goo.gl/SLXeyh