5 เหตุผลที่คุณควรไปเที่ยวเกาหลีช่วง cherry blossom
ดอกซากุระเกาหลี หรือที่คนเกาหลีเรียกกันว่า “ดอกพ็อตกด” (벚꽃)
หากมาเกาหลีแล้วไม่ได้ชมดอกพ็อตกดก็เหมือนไปไม่ถึงเกาหลี เพราะดอกพ็อตกดที่ว่านี้นอกจากจะมีความสวยงามแบบที่หาไม่ได้ในประเทศไทยแล้ว ยังให้อารมณ์โรแมนติกเสมือนอยู่ในซีรี่ย์ไปอีก ดีต่อใจสุด ๆ “ดอกพ็อตกด (Beojkkoch, 벚꽃)” หรือเชอร์รี่บลอสซั่ม (Cherry Blossom) จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งก็คือปลายเดือนมีนาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงเวลาแห่งการเติบโตและการผลิดอกออกผลของใบไม้และดอกไม้ แม้จะบานแค่ช่วงสั้น ๆ ทว่างดงามจับใจ ซึ่งคนเกาหลียังถือเอาช่วงนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่อีกด้วย
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ทุกคนจะได้ชื่นชมดอกไม้บานสะพรั่งทั่วทั้งเมือง โดยเริ่มจากทางตอนใต้ที่เกาะเชจู และไล่ขึ้นมาทางตอนเหนือจากจังหวัดปูซาน แดกู กวังจู เรื่อย ๆ มาจนมาถึงโซล นับว่าเป็นช่วงเวลาที่อากาศที่ดีสุด เพราะอากาศจะอบอุ่นขึ้น โดยอุณหถูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 6 ถึง 16 องศา หากไปเที่ยวช่วงนี้แนะนำให้ใส่เสื้อแจ็คเก็ต หรือเสื้อกันหนาว และพกผ้าพันคอไปด้วยเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
หากไปเกาหลีในช่วง Blossom ก็ต้องถ่ายรูปเพื่ออวดเพื่อน ๆ ในโซเชียลมีเดียใช่ไหมล่ะ ดังนั้นก็ต้องมีโทรศัพท์ที่ตอบโจทย์การถ่ายรูปโดยเฉพาะอย่าง iPhone 12 มาพร้อมกล้องหลัง 2 เลนส์ ได้แก่เลนส์ไวด์ และเลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP + 12MP ทั้งสองเลนส์รองรับการใช้งานโหมดกลางคืน สามารถเพิ่มความละเอียดด้วย Deep Fusion รวมถึงมีระบบชดเชยการสั่นแบบ OIS มาให้ใช้งานได้แบบครบ ๆ ส่วนกล้องหน้าจะมีเลนส์เดียว ความละเอียด 12MP ฟีเจอร์หลักรองรับการใช้งานมุมกว้าง, โหมดมืด, ภายถ่ายบุคคล และสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4k 60fps จะถ่ายมุมไหนก็สวยงามคมชัด แค่มีไอโฟนเครื่องเดียวก็เอาอยู่ ไม่ต้องพกกล้องให้เมื่อย
ถ้ามีอุปกรณ์คู่ใจที่ใช้ถ่ายรูปแล้ว ดังนั้นเราไปส่อง 5 เหตุผลกันดีกว่าว่าทำไมคุณต้องไปเที่ยวเกาหลีในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วย พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
1. มอบความโรแมนติก ให้คุณกระชับรักกับแฟนได้มากขึ้น
เราคงเห็นฉากในซีรี่ย์เกาหลีบ่อย ๆ ที่นางเอกกับพระเอกจะสวีทกันใต้ต้นซากุระ หากคุณมีโอกาสสักครั้งในชีวิตที่ได้ทำแบบนั้นก็คงจะฟินไม่น้อย การชมดอกพ็อตกดกับแฟนเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก เพราะทุกอย่างเป็นใจ ทั้งบรรยากาศรอบด้านที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ อากาศเย็นแบบพอดีที่มอบความอบอุ่นได้ด้วยการกุมมือกัน ไม่ว่าจะมองไปที่ไหนก็กลายเป็นสีชมพู รับรองว่าหลังจบทริปนี้แล้ว แฟนของคุณต้องหลงรักคุณมากขึ้นแบบหัวปักหัวปำแน่นอน
2. ค่าใช้จ่ายถูกกว่าไปญี่ปุ่น
อย่างที่ทราบกันดีว่าในญี่ปุ่นเขามีดอกซากุระ แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปชมซากุระ หรือ ดอกพ็อตกด ที่เกาหลีใต้จะน้อยกว่าไปที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถ้ามาเกาหลีหากวางแผนดี ๆ จะใช้งบประมาณเพียง 9,000 – 20,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) ในขณะที่ถ้าไปญี่ปุ่นอาจใช้เงินถึง 25,000 – 40,000 บาท เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับลักษณะการเที่ยว ที่พัก อาหารการกิน และสถานที่ที่วางแผนจะไป แต่อย่างไรก็ตามที่เกาหลีใต้ก็ใช้เงินน้อยกว่าเห็น ๆ
3. ชมได้ แต่ห้ามสัมผัสดอก และกิ่ง
ทุกประเทศที่มีดอกซากุระ หรือ ดอกพ็อตกดเกาหลีใต้ เราสามารถชื่นชมความสวยงามได้อย่างใกล้ชิด แต่ไม่ควรสัมผัสดอก เพราะดอกพ็อตกดนั้นบอบบางบาง ถึงมากที่สุด
4. มีความสวยงาม มอบความประทับใจไม่รู้ลืม
ดอกพ็อตกด เป็นตัวแทนความรักและสงบสุข มอบความความบริสุทธิ์ สีของดอกซากุระนั้นอ่อน ขาว ชมพู แสดงถึงความบอบบาง น่าทะนุถนอม อ่อนโยน แม้จะเป็นดอกไม้ที่อยู่ได้ไม่นาน เมื่อบานเต็มที่แล้วก็จะร่วงทันที มันจะคอยเผยโฉมความสวยงามในเฉพาะเวลาที่มันต้องการ ไม่ออกมาสวยพร่ำเพรื่อให้น่าเบื่อ แต่ความงามนั้นตราตรึงในความทรงจำ และประทับใจชาวเกาหลีใต้ตราบนานเท่านาน ด้วยเหตุนี้เองดอกพ็อตกด จึงกลายมาเป็นวัฒนธรรมบางส่วนของชาวเกาหลีจนถึงปัจจุบัน
5. ไม่ว่าจะไปส่วนไหนของประเทศก็มีแต่ซากุระ
เทศกาลซากุระที่เกาหลีใต้ จะมีให้ชมกันยาว ๆ ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนใหญ่จะเข้าชมฟรี นอกจากนี้ยังมีต้นซากุระที่ออกดอกสวยงามเต็มบ้านเต็มเมือง มีทั้งสวนที่ปลูกเพื่อให้เข้าชม ริมถนนริมทางเดินตามธรรมชาติ ปลูกไว้ตามแหล่งท่องเที่ยว เช่น เกาะนามิ เกาะเซจู ฯลฯ เดินไปไหนก็จะเจอดอกซากุระเต็มพื้นที่และเกือบตลอดเวลา ไม่ได้มีอยู่แค่ในเมืองเดียว
เห็นไหมล่ะว่าการไปเกาหลีใต้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิมันดีจริง ๆ เต็มไปด้วยดอกซากุระที่สวยงาม มีความละมุนมาก ๆ ถ้าคุณวางแผนไปเที่ยวเกาหลีใต้ เราขอแนะนำให้ไปช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่ดีที่สุด สวยที่สุด ภาพความประทับใจเหล่านี้จะติดอยู่ในใจไปแสนนานเลยล่ะ